ปรับสมดุล ลดเจ็บ ลดป่วยสำหรับพนักงานออฟฟิศ

ออฟฟิศซินโดรม โรคที่มากับการทำงาน


“มนุษย์ออฟฟิศที่น่าสงสาร” คำพูดแซวจิกกัดที่ใช้พูดถึงกลุ่มคนวัยทำงาน คนกลุ่มนี้คือทรัพยากรสำคัญของตลาดแรงงาน อีกทั้งเป็นกลไกหลักให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ แต่ใครจะรู้บ้างว่าคนกลุ่มนี้ พวกเขามีปัญหาที่กำลังรุมเร้าจากรำคาญจนกลายเป็นทรมานไปแล้ว อย่างที่ทราบกันดีว่า คนทำงานในสำนักงาน มักใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และนั่งทำงานหลังขดแข็งเป็นเวลาต่อเนื่องหลายชั่วโมง เรียกได้ว่าเมื่อเข้างานแล้ว การเคลื่อนไหวมีน้อยถึงน้อยมาก โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานแอดมินที่ต้องรับผิดชอบงานเอกสารต่างๆ ทำให้ปัจจุบันหลายคนประสบกับหลายโรครุมเร้า

officesyndromebusinesswoman

หลีกเลี่ยง พฤติกรรมนั่งนาน นั่งแช่

โรคที่เราพูดถึง คือ โรคออฟฟิศซินโดรม(Office Syndrome) ที่มีสาเหตุมาจากท่านั่งและพฤติกรรมการทำงานที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้พนักงานออฟฟิศบ้างก็ปวดหลัง ไหล่บ่า ต้นคอ นอกจากนี้ยังมีอาการตาแห้ง ผิวแห้ง ซึ่งระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล และการใช้ชีวิตในวิถีใหม่ (New Normal) การทำงานรูปแบบ work from home จึงกลายเป็นผู้ร้ายเบอร์หนึ่งของคนทำงาน ถ้าเช่นนั้น บทความนี้จึงขอแบ่งเคล็ดลับท่าบริหารที่สามารถทำได้ง่ายๆ แม้นั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยท่าเหล่านี้จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้หายตึงเครียด แต่ถ้าอยากลดความทรมานอย่างยั่งยืน เราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ไม่ควรอยู่ในท่าเดิมนานเกินไป ปรับเวลาในการทำงาน เช่น ไม่นั่งนานเป็นชั่วโมง อย่างน้อยควรใช้จังหวะเข้าห้องน้ำยืดเส้นยืดสายบ้าง หลังจากเข้าห้องน้ำก็ควรจิบน้ำ เพื่อให้ร่างกายสดชื่นและผ่อนคลาย รู้หรือไม่ การดื่มน้ำสะอาดไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องระบบเผาพลาญได้แล้ว น้ำดื่มยังช่วยเราขับของเสียออกจากร่างกายได้ทางปัสสาวะ อุจจาระ และทางเหงื่อที่ขับออกมาทางรูขุมขน  ทั้งนี้เราสามารถสร้างแรงจูงใจในการดื่มน้ำและลดพฤติกรรมนั่งแช่นานๆ ให้ตัวเองง่ายๆ ดังนี้ 

แก้วเก็บความเย็นขนาด 710 ml.


  1. ใช้แก้วน้ำใบโปรดและสามารถเก็บความเย็นได้นาน  อากาศร้อนต้องคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ แต่ถ้าจะดื่มชานม หรือ กาแฟตลอดทั้งวันคงไม่ดีแน่ นักเขียนทำเป็นประจำคือ ใช้แก้วเก็บความเย็นและเติมน้ำดื่มลงในแก้ว วางไว้ในจุดที่เห็นง่ายและยกดื่มสะดวก (เราพบว่าวิธีนี้ ช่วยให้ร่างกายสดชื่น และไม่เพลียจากการนั่งทำงานค่ะ)​
  2. ตั้งนาฬิกาปลุกเป็นแบบสั่นให้ลุกขยับขึ้นจากเก้าอี้(ระบบสั่น ทำให้เราตื่นตัวแต่ไม่รบกวนเพื่อนร่วมงาน) โดยระยะเวลาอาจจะเป็น ทุกๆ 45 นาที หรือ 1 ชั่วโมง แบบนี้จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ไม่ปวดกล้ามเนื้อบริเวณหลังและสะโพก และเมื่อลุกขยับร่างกายแล้ว ก็อย่าลืมพักสายตาด้วยการมองในระยะไกลสัก 10-20 วินาที และสลับมองระยะใกล้ หรือจะเพิ่มการกระพริบตาด้วยก็จะช่วยผ่อนคลายให้ดวงตาค่ะ 
  3. บริหารกล้ามเนื้อบริเวณมือบ้าง ต่อเนื่องจากที่เราลุดขยับร่างกายแล้ว มือก็เป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการเขียน พิมพ์งาน หรือจับเมาส์คอมพิวเตอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดข้อมือ นิ้วล็อค เราควรสะบัดข้อมือ หรือกำมือปล่อยสัก 3-5 ครั้ง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วย หากสามารถเลือกอุปกรณ์ที่เข้ากับสรีระได้ นักเขียนก็แนะนำค่ะ ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาว
     

ท่าบริหารผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำง่ายแม้นั่งบนเก้าอี้

ท่าบริหาร ท่าที่ 1 นั่งยืดตัวบนเก้าอี้ วางเท้าบนพื้น เอียงตัวไปทางด้านใดด้านหนึ่ง นับ 1-10 จึงสลับข้าง)>>>
yaga,office,syndrome

ท่าบริหาร ท่าที่ 2 (นั่งยืดตัวบนเก้าอี้ ใช้มือจับศรีษะ กดเบาๆไปด้านใดด้านหนึ่ง นับ1-10 จึงสลับข้าง) >>>

how to yoga in office

ท่าบริหาร ท่าที่ 3 (ลุกยืดเส้นสาย ชูแขนขึ้นให้สูง นับนับ1-10) ช่วยให้กล้ามเนื้อไหล่ได้ยืดเหยียด
 

business people,doing yoga,office

หากทุกคนรักสุขภาพของตัวเอง แนะนำว่าอย่ารักเก้าอี้มากเกินไป การนั่งนานมีผลเสียต่อสุขภาพรุนแรงชนิดที่หลายคนคาดไม่ถึงและอาจกลายเป็นโรคเรื้อรังอื่นๆได้ ดังนั้น ก่อนที่เราจะต้องหามร่างไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล กิจกรรมออกกำลังกายหลังเลิกงานน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เช่น เดินเบาๆรอบสนามหญ้าของออฟฟิศ อย่างไรก็ตามออฟฟิศแต่ละที่แตกต่างกัน เพื่อนๆลองปรับพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีไม่มีโรคก่อรำคาญ

 

รูปประกอบบทความ 

ภาพปก ชื่อ office syndrome concept  canva.com โดย Monster Ztudio

รูปที่ 1 ชื่อ office syndrome businesswoman จาก canva.com โดย golfcphoto
รูปที่ 2 ชื่อ แก้วน้ำเก็บความเย็น  โดย นักเขียน
รูปที่ 3 ชื่อ woman doing yoga in office จาก canva.com  โดย Jupiterimages
รูปที่ 4 ชื่อ woman doing yoga in office จาก canva.com  โดย Jupiterimages
รูปที่ 5  ชื่อ businesspeople doing yoga in office จาก canva.com โดย AndreyPopov

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า